บล็อกนี้ได้จัดทำขึ้นเพื่อใช้ในการเรียนรายวิชาอินเตอร์เน็ตและการสื่อสารในชีวิตประจำวันเท่านั้นโปรดทราบ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

วันอังคารที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2554

ผักโขม

 




          ผักโขมโด่งดัง เพราะป๊อบอายส์ตัวการ์ตูนกะลาสีที่กินเป็นประจำจนแข็งแรงทั้งๆ ที่ตัวเล็กนิดเดียว ในผักโขมมีธาตุเหล็ก ซัลเฟอร์ เบต้าแคโรทีน แมกนีเซียม และแคลเซียมสูง แต่ปัญหาของผักโขมก็มี คือมีกรดที่ชื่อว่าออกเซลิค แอซิด อยู่ในตัวมันสูง ทำให้ร่างกายเราไม่สามารถดูดซับธาตุเหล็กที่มีอยู่มากในตัวมันได้ ดังนั้นถ้าจะกินผักโขมก็ต้องรู้จักวิธีกินให้ถูกต้อง

          ห้ามกินผักโขมดิบๆ (คิดว่าไม่มีใครอยากกิน) แต่ก็มีบางคนที่ชอบกินผักดิบๆ มากจนสามารถหยิบผักทุกชนิดกินดิบได้ ขอให้ระวังข้อนี้ด้วยนะคะ เพราะน่าแปลกที่ผักบางอย่างควรกินดิบจะดีกว่า บางอย่างต้องทำสุกเท่านั้น หรือบางอย่างทำสุกแล้วกลับให้ประโยชน์มากกว่า เช่น แครอท เป็นต้น ผักโขมต้องทำให้สุกเพื่อฆ่าเจ้าสารตัวนี้ให้บรรเทาเบาบางลงก่อน และเชื่อไหมว่าถ้าเราบีบมะนาวลงบนผักโขมที่สุกสักหน่อย (หรือกินร่วมกับผักที่มีรสเปรี้ยวเช่นมะเขือเทศ) จะทำให้ร่างกายเรารับเอาธาตุเหล็กได้ดีกว่า          สีเขียวเข้มของผักโขมบ่งบอกว่ามีสารคลอโรฟีลล์สูงสามารถช่วยล้างฟอกออกซิเจนในเซลล์ และมีสารแอนตี้ออกซิแดนท์สูง ทั้งผักโขมยังมีกากใยที่ช่วยให้ร่างกายขับถ่ายดีอีกด้วย

          แล้วทำไมเราจะไม่หาเมนูอร่อยๆ จากผักโขมมากินกัน?

          มารู้จักซื้อผักโขมกันก่อน

          ผักโขม ตรงกับภาษาอังกฤษเรียกว่า Spinach เป็นผักที่มีขนาดตั้งแต่ต้นเล็กๆ สั้นๆ ไปจนถึงต้นยาวขนาดผักบุ้งจีน ถ้าหาซื้อในท้องตลาด บางทีอาจพบผักโขมที่มีใบสีแดงปนอยู่ มองดูสวยเหมือนไม้ประดับมากกว่าจะเอามากิน ว่ากันว่าผักโขมชนิดที่มีสีแดงปนด้วยนี้ ให้คุณค่าอาหารดีกว่าใบเขียวธรรมดา คงจะเป็นเพราะสารให้สีที่อยู่ในผักนั่นเอง แต่ไม่ต้องเกี่ยงหรอก ชนิดไหน ๆ ก็กินดีทั้งนั้น ถ้าเรารู้วิธีเอามาทำกิน และเลือกที่ปลอดจากยาฉีดเป็นใช้ได้

          บางคนอาจไม่รู้ว่า เราสามารถเดินเก็บผักโขมตามสวนหรือในที่ว่างโดยนึกไม่ถึงว่ามันเป็นชนิดเดียวกับที่เขาขายโดยตลาด เมื่อดิฉันแต่งงานใหม่ๆ ผู้ที่เข้าครัวทำอาหารให้กินคือคุณแม่ของสามีที่เราเรียกว่า "อาม่า" กลับบ้านมาวันหนึ่งเห็นอาม่าเดินท่อม ๆ เก็บผักที่ขึ้นอยู่ตามขอบรั้วหน้าบ้าน และบริเวณที่ว่างใกล้เคียง ถามดูจึงรู้ว่ากำลังเก็บผักโขมมาต้มแกงจืดให้เรากินนั่นเอง

          สมัยก่อนโน้นดิฉันยังไม่เคยรู้เรื่องผักหญ้าจึงประหลาดใจ และไม่ค่อยแน่ใจว่าจะกินได้จริงหรือเปล่า อาม่ายืนยันว่าเป็นผักชนิดเดียวกันที่เราเรียกว่าผักโขม และบอกเพียงว่ากินแล้วแข็งแรงดี ยิ่งต้มใส่กับหมูสับที่เรา เรียกว่าบะช่อยิ่งอร่อยมาก

          อาม่าบอกวิธีให้สับหมูปนมันเล็กน้อยพอให้เนื้อนุ่ม ใส่กระเทียมดิบสับลงไปด้วยกลีบสองกลีบเล็กๆ พอให้หอม ใส่ซีอิ๊วลงไปนิดหน่อย แล้วปั้นเป็นก้อน ใส่ลงน้ำร้อนเดือดๆ ในหม้อได้เลย

          พอหมูสุกดีแล้ว อาม่าก็เอาผักโขมที่เด็ดเป็นใบๆ ล้างสะอาด ขยุ้มใส่ลงไป เอาทัพพีกดให้จมน้ำลงไปหน่อย พอเดือดอีกทีก็หรี่ไฟเคี่ยวไว้สักครู่ พอให้แน่ใจว่าต้องสุกนิ่มดีปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาวอย่างเดียว ตักใส่ชามร้อน ๆ โรยพริกไทยอีกหน่อย เป็นอันได้กินแกงจืดยอดพลังราคาถูก แถมทำง่ายนิดเดียว เด็กกินได้ ผู้ใหญ่กินดี รับรองได้

          ใครที่แน่ใจว่ารู้จักผักโขมที่ขึ้นตามข้างทางหรือที่รกร้าง ก็อย่าสุ่มสี่สุ่มห้าไปเด็ดเอามากิน ไปซื้อที่ตลาดราคาไม่กี่สตางค์ เพราะไม่ใช่ของราคาแพง เพาะก็ง่าย ขึ้นก็เร็วแถมยังแพร่พันธุ์ด้วยเมล็ดจากต้นแก่ที่ปลิวไปทั่ว ในสวนที่บ้านดิฉันนั้น มีผักโขมให้เด็ดกินไม่ได้ขาด

          ถ้าเป็นพันธุ์พื้นบ้านก็จะเป็นต้นเตี้ยๆ เล็กๆ ชาวบ้านชอบเก็บเอามาต้มให้สุก กินกับน้ำพริก เวลาไปเดินตลาดบ้านนอกให้ลองสังเกตผักโขมบ้านที่ชาวบ้านและกำเป็นมัดสั้นๆ วางขาย ผักโขมบ้านจะมีใบเขียวเข้มกว่าและใบเล็กนิดเดียว ดิฉันเคยเห็นวางขายในซูเปอร์มาร์เก็ตที่กรุงเทพฯ เหมือนกัน เขาจะวางใส่กระบะไว้ให้หยิบได้เป็นขีด มองดูขนาดและหน้าตาเหมือนผักโขมบ้านของเรา แต่มีก้านสีขาว ราคาแพงโขอยู่เมื่อเทียบกับที่ชาวบ้านขายมัดละ 3 บาท ถามไถ่ดูว่ามาจากไหนเพราะหน้าตาสวยงาม กลายเป็นพันธุ์มาจากเมืองจีน แต่คิดว่ามีผู้นำมาเพาะขายในประเทศนี้ แต่เราไม่จำเป็นต้องซื้อแบบราคาแพงก็ได้ ถ้าหาที่ชาวบ้านขายได้ รับรองว่าอาจจะมีประโยชน์มากกว่าด้วยซ้ำ เพราะมันขึ้นเองตามธรรมชาติ ไม่ต้องฉีดยาอะไรทั้งสิ้น และก็ไม่แน่ว่าในสวนบ้านของคุณ หรือที่รกร้างใกล้เคียงอาจมีผักโขมขึ้นอยู่ให้เราถอนมากินก็ได้ ถ้าเป็นพันธุ์ต้นสูงก็เด็ดเอาแต่ยอดอ่อน ๆ มากิน

          มารู้ทีหลังว่าใครที่ชอบผดผื่นคันให้ถอนรากถอนโคนผักโขมพันธุ์ที่มีหนามมาต้มเอาน้ำอาบเป็นหาย สารพัดประโยชน์เลยทีเดียว อย่าไปเห็นว่าเป็นวัชพืชที่ต้องถอนทิ้งจากสวนเชียวค่ะ

          ถ้าอยากกินผักโขมแบบฝรั่งให้ลองทำอย่างนี้ค่ะ

          บางคนอาจเคยกินสลัดผักโขม ทำไม่ยาก แต่อย่าลืมว่าไม่ควรกินผักโขมดิบๆ เด็ดเอาใบล้างสะอาดเลือกที่ใบอ่อน จะไม่เหนียว แล้วเอาใส่หม้อ ปิดฝา ตั้งไฟสักครู่เดียว น้ำในผักจะทำให้ผักสุกเองโดยไม่ต้องใส่น้ำเพิ่มแค่นั้นแหละค่ะ เราก็ได้ผักโขมมาทำสลัด ดิฉันชอบปนกับผักอย่างอื่นด้วยตามชอบ อาจเป็นผักทำสุกอย่างอื่น เช่น ถั่วแขก แครอต ฟักทอง หรือปนกับผักดิบที่เป็นผักสลัดก็ได้ แล้วใช้น้ำสลัดที่ชอบคลุกลงไป

          เมนูตามร้านเขามักโรยเบคอนทอดด้วยค่ะ ถ้าเราระวังเรื่องสุขภาพก็ไม่จำเป็นแต่จะอร่อยและได้ประโยชน์มากถ้าใส่ไข่ต้มสุกแข็ง สับๆ ลงไปด้วยสักลูกหนึ่ง

          แค่นี้ก็เป็นอาหารกินดี อร่อย และทำง่าย ๆ ถ้าเกิดไม่นิยมสลัดให้เรามา ทำแบบเมดิเตอร์เรเนียนกินกันง่าย ๆ เด็ดเอาใบล้างน้ำให้สะอาด เพราะใบผักโขมมักหงิกงอให้เศษดินหรือทรายปนอยู่ได้  ล้างหลายรอบหน่อยให้แน่ใจว่าสะอาดดี และควรวางใส่ในกระชอนให้ผักแห้งดีก่อนเอามาปรุง  มิฉะนั้นเมื่อผัดแล้วอาจมีน้ำเจิ่งและไม่ได้รสดีเท่าที่ควร

          คราวนี้เอากระทะตั้งไฟ ใส่น้ำมันมะกอกลงไปสักนิดหน่อย เห็นว่าร้อนดีแล้ว (ไม่ต้องให้ควันขึ้นนะคะจะกลายเป็นอาหารทำลายสุขภาพไปเสียก่อน) ใส่กระเทียมสับลงไป ถ้าจะให้สวย ใช้กระเทียมฝานบางๆ ก็ได้ค่ะ และใส่มากหน่อยก็ได้เพราะจะหอมกระเทียมและมีประโยชน์ด้วย พอกระเทียมหอม ก็เอาผักที่สะเด็ดน้ำแล้วใส่ลงในกระทะ

          รอจังหวะให้ผักสุกหน่อยจึงใช้ตะหลิวพลิก กลับไปมา โรยเกลือ และพริกไทยเพื่อปรุงรส เท่านี้จริง ๆ เลยค่ะผัดจนนิ่มดีเอามากินเป็นอาหารจานเคียงกับอาหารเนื้อสัตว์เพื่อให้ สมดุล จึงไม่ต้องปรุงมาก ถ้าอยากลดความอ้วนและไม่กินเนื้อสัตว์ ให้หั่นมะเขือเทศใส่ลงไปผัดด้วย จะได้รสดีขึ้นอีกแบบหนึ่ง

          เห็นทำง่ายๆ อย่างนี้อย่านึกว่าไม่น่าอร่อย ลองได้ผัดสดๆ ทำใหม่ๆ ด้วยความรักและตั้งใจแล้ว ของง่ายๆ อย่างนี้แหละ อร่อยชื่นใจนัก

ประโยชน์ของมะระขี้นก

รูปมะระขี้นก
มะระขี้นกเป็นสมุนไพรและผักพื้นบ้านของไทยเรา ที่บริโภคกันมานานและเรารู้ว่ามีประโยชน์ทั้งทางด้านคุณค่าทางโภชนาการและเป็นยาสมุนไพรรักษาโรค
ข้อมูล มะระขี้นก

ชื่ออื่น ผักเหย (สงขลา) ผักไห (นครศรีธา่ร่มราช) มะร้อยู (ภาคกลาง,ภาคใต้) มะห่อย มะไห่ (ภาคเหนือ)
ลักษณะของมะระขี้นกเป็นไม้เถา เถาขนาดเล็ก มีมือเกาะ ใบเป็นแบบใบเดี่ยว ขอบใบเว้าลึก 5-7แฉก
ดอกเดี่ยว ออกที่ซอกใบ แยกเพศอยู่บนต้นเดียวกัน กลีบดอกมีสีเหลืองสด
ผลมะระผลสด รูปกระสวย ผิวของผลจะมีลักษณะขรุขระ เมื่อโตเต็มที่จะมี
สีเขียว รสขม เมื่อผลสุกจะมีสีแดง สุกจัดๆผลมะระจะแตกได้


ส่วนที่ใช้ ผลโตเต็มที่สีเขียว แต่ยังไม่สุก รสขมจัด และเมล็ดจากผลสุก
สรรพคุณของมะระขี้นก1. จะช่วยเจริญอาหาร การที่ผลมะระขี้นกช่วยเจริญอาหารได้ เพราะในเนื้อผลมีสารที่มีรสขมกระตุ้นให้น้ำย่อยออกมา มากขึ้น จึงทำให้รับประทานอาหารได้เพิ่มขึ้นใช้ผลมะระปิ้งไฟ หรือลวกจิ้มน้ำพริก
2. ยับยั้งเชื้อ HIV หรือเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกาย

*ใช้เมล็ดจากผลสุก 30 กรัม แกะเมล็ด ล้างเนื้อเยื่อสีแดงที่หุ้มเมล็ดออก ผึ่งให้สะเด็ดน้ำ กะเทาะเมล็ดเปลือกมะระ ควรกะเทาะในภาชนะ
ที่เย็น เช่น ในที่มีอุณหภูมิต่ำ จะได้เนื้อในสีขาว ควรสวมถุงมือยางขณะทำ
* นำเนื้อใน มาล้างน้ำให้สะอาด เติมน้ำหรือน้ำเกลือที่แช่เย็นลงไป 90-100 มิลลิลิตร ปั่นในเครื่องปั้นที่แช่เย็น แล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง 2-3 ชั้น จะได้น้ำยาสีขาวขุ่น
* น้ำยาสีขาวขุ่น ใช้สวนทวารหนัก ครั้งละ 10 มิลลิลิตร วันละครั้ง
* ถ้านำน้ำ ที่ปั่นไปแช่ตู้เย็น จะแยกเป็น ๒ ชั้น ให้ใช้ชนบนที่มีลักษณะใส


**ข้อควรระวัง1. การสวนทวาร ควรใช้วาสลินช่วยหล่อลื่นก่อนการสวน
2. ทุกขั้นตอนให้ระวังเรื่องความสะอาด
3. ต้องรักษาความเย็นตลอดเวลา

น้ำมะระขี้นก
ส่วนผสมเนื้อมะระขี้นก 30 กรัม
ใบเตยห 15 กรัม
น้ำต้มสุก 200 กรัม
เกลือป่น 1 กรัม
น้ำมะนาว 15 กรัม
วิธีทำ1. นำมะระขี้นำล้างให้สะอาด ผ่าซีก แกะเอาเมล็ดออกหั่นเป็นชิ้นยาวๆ บาง ๆ ตามขวางของผลมะระ
2. นำใบเตย หั่นเป็นท่อนสั้น ๆ ตากแห้งแล้วคั่วให้เหลืองกรอบ เก็บในขวดปากกว้าง
3. เอามะระขี้นกใบเตยหอมและน้ำ ใส่ในหม้อต้มให้เดือด หรือถ้าไม่อยากต้มจะใส่ในถ้วยแก้ว ทิ้งไว้ 5-10 นาที แล้วนำมาดื่มได้ ไม่ต้องกลัวว่าจะขมเวลาดื่ม เพราะแก้ไขด้วยการเอาใบเตยหอมและน้ำมะนาวมาผสม ช่วยได้ดี ช่วยกลบความขมของมะระขี้นกได้มาก
ยอดมะระขี้นก
ประโยชน์ของน้ำมะระ
ประโยชน์ของน้ำมะระขี้นกแบ่งออกเป็น 2 ทาง ได้แก่
1.คุณค่าทางอาหาร มีวิตามินเอสูงมาก ช่วยบำรุงสายตา
2.คุณค่าทางยาสมุนไพร น้ำคั้นผลมะระ เมื่อดื่มจะช่วยลดการเกิดต้อกระจก ซึ่งเป็นอาการจากโรคเบาหวาน ช่วยเจริญอาหาร ลดน้ำตาลในเลือด ลดไข้ แก้อาการข้ออักเสบ บำรุงน้ำดี
นอกจากผลมะระแล้วยอดมะระขี้นกยังกินเป็นผักได้ด้วย
ยอดมะระ ขี้นก คงมีหลายๆคนคุ้นเคยกับการกินผลมะระขี้นก แต่ยอดมะระขี้นกก็สามารถกินเป็นผักได้เช่นกัน ความขมระหว่างยอดและผลอาจจะแตกต่างกันนิดหน่อย ยอดมะระนั้นมีวิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี กากไยอาหาร มีแคลเซียมที่ช่วยสร้างกระดูก และฟัน บำรุงน้ำนมให้คุณแม่ที่กำลังให้นมลูกอีกด้วย

มะพร้าว

สรรพคุณของมะพร้าว

-  ธรรมชาติบำบัดถือว่า น้ำมะพร้าวเป็นน้ำผลไม้ที่ดีที่สุดชนิดหนึ่งมีแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการครบถ้วน มีไขมันที่เป็น          ประโยชน์ต่อร่างกาย และร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ประโยชน์ได้ภายใน 5 นาที และยังเป็นประโยชน์ในการขับสารพิษและชำระล้างร่างกายด้วย
-  มะพร้าวมีลำต้นสูง ต้องผ่านการกลั่นกรองตามชั้นต่าง ๆ ของลำต้นมะพร้าวกว่าจะถึงลูกมะพร้าวที่อยู่ข้างบน น้ำมะพร้าวที่ได้มาจึงบริสุทธิ์มาก น้ำมะพร้าวหรือเนื้อมะพร้าวเป็นอาหารที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งเพราะบริสุทธิ์และเต็มไปด้วยกลูโคสที่ร่างกายดูดซึมเข้าไปได้ง่าย นอกจากนี้ยังมีสารอาหารอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น แคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส
โปรแตสเซียม ฯลฯ

-  มะพร้าวเป็นผลไม้ที่มีด่างสูง น้ำมะพร้าวและกะทิสามารถรักษาโรคที่เกิดจากร่างกายมีความเป็นกรดมากเกินไปได้ คนไทยถือกันว่า มะพร้าวเป็นยาบำรุงกำลัง บำรุงเส้นเอ็น ใช้รักษาโรคกระดูกได้ ส่วนคนจีนเชื่อว่า มะพร้าวมีฤทธิ์เป็นกลางไม่เป็นทั้งหยินและหยางมีสรรพคุณในการขับพยาธิ

-  สำหรับคนไข้ที่อาเจียนและท้องร่วงในเวลาเดียวกันให้ดื่มแต่น้ำมะพร้าวอย่าให้ทานอย่างอื่น เพราะร่างกายจะดูดซึมกลูโคสไปใช้ได้ในเวลาอันรวดเร็ว

-  แม่ที่เพิ่งคลอดบุตรไม่มีน้ำนมเพียงพอให้ลูกกินสามารถให้น้ำมะพร้าวเสริมน้ำนมแม่ได้ เพราะมีความบริสุทธ์กว่านมผงหรือนมวัว ไม่มีสารเคมีเจือปนที่เป็นอันตรายต่อร่างกายของเด็ก ถ้าผู้หญิงคนไหนที่เป็นสิวหรือมีรอบเดือนติดต่อกันไม่หยุดให้กินแต่น้ำมะพร้าวอย่างเดียวครั้งที่ดื่มอาการเหล่านั้นอาจจะเพิ่มขึ้นแต่ก็เป็นสิ่งดีเพราะร่างกายถูกกระตุ้นให้ขับของเสียออกมา

-  น้ำมะพร้าวดื่มได้ทุกวัน ทุกเพศทุกวัย เพราะเป็นเครื่องดื่มจากธรรมชาติ นอกจากจะมีประโยชน์แล้วยังทำให้ร่างกายสดชื่นไม่เป็นอันตรายเหมือนน้ำอัดลม อย่างไรก็ตามคนเป็นโรคไตและโรคเบาหวานไม่ควรดื่มน้ำมะพร้าว

-  น้ำมะพร้าวเปิดลูกแล้วควรดื่มเลยไม่ควรทิ้งไว้นาน ถ้าเราตัดหรือหั่นผลไม้อย่าทิ้งไว้เกินครึ่งชั่วโมงแม้จะเก็บในตู้เย็นก็ตามควรกินให้หมดทีเดียว ผลไม้แต่ละอย่างมีพลังชีวิตถ้ากินผลไม้สุกจากต้นจะได้รับพลังชีวิตสูง หากเก็บทิ้งค้างไว้พลังชีวิตของผลไม้จะลดต่ำลงเรื่อย ๆ ตามระยะเวลาที่เก็บ

-  ปัจจุบันหากต้องการดื่มน้ำมะพร้าวควรต้องระวังเรื่องสารฟอกขาวหากเป็นไปได้ควรซื้อเป็นทะลายมาจากสวนโดยตรง เมื่อต้องการดื่มค่อยตัดทีละลูกจากทะลาย


ประโยชน์ของมะพร้าว

-  ในผลมะพร้าวอ่อนจะมีน้ำอยู่ภายในเรียกว่าน้ำมะพร้าว ใช้เป็นเครื่องดื่มเกลือแร่ได้เนื่องจากอุดมไปด้วยโพแทสเซียม นอกจากนี้น้ำมะพร้าวยังมีคุณสมบัติปลอดเชื้อโรคและเป็นสารละลายไอโซโทนิก (สารละลายที่มีความเข้มข้นเท่ากับภายในเซลล์ ซึ่งไม่ทำให้เซลล์เสียรูปทรง) ซึ่งด้วยเหตุนี้จึงสามารถนำน้ำมะพร้าวไปใช้ฉีดเข้าหลอดเลือดเวน (หลอดเลือดดำ) ในผู้ป่วยที่มีอาการขาดน้ำหรือปริมาณเลือดลดผิดปกติได้
-  น้ำมะพร้าวสามารถนำไปทำวุ้นมะพร้าวได้ โดยการเจือกรดอ่อนเล็กน้อยลงในน้ำมะพร้าว
-  เนื้อในของมะพร้าวแก่ นำไปทำกะทิได้ โดยการขูดเนื้อในเป็นเศษเล็ก ๆ แล้วบีบเอาน้ำกะทิออก
-  กากที่เหลือจากการคั้นกะทิยังสามารถนำไปทำเป็นอาหารสัตว์ได้
-  ยอดอ่อนของมะพร้าว หรือเรียกอีกชื่อว่า หัวใจมะพร้าว (coconut’s heart) สามารถนำไปใช้ทำอาหารได้ ซึ่งยอดอ่อนมีราคาแพงมาก เพราะการเก็บยอดอ่อนทำให้ต้นมะพร้าวตายด้วยเหตุนี้จึงมักเรียก ยำยอดอ่อนมะพร้าวว่า "สลัดเจ้าสัว" (millionaire's salad)
-  ใยมะพร้าว นำไปใช้ยัดฟูก ทำเสื่อ หรือนำไปใช้ในการเกษตร
-  น้ำมันมะพร้าว ได้จากการบีบหรือต้มกากมะพร้าวบด นำไปใช้ในการปรุงอาหารหรือนำไปทำเครื่องสำอางก็ได้และในปัจจุบันยังมีการผลิตไบโอดีเซลจากน้ำมันมะพร้าวอีกด้วย
-  กะลามะพร้าว นำไปใช้ทำสิ่งประดิษฐ์ต่าง ๆ เช่น กระบวย โคมไฟ กระดุม ซออู้ ฯลฯ
-  ก้านใบ หรือทางมะพร้าว ใช้ทำไม้กวาดทางมะพร้าว
-  จั่นมะพร้าว(ช่อดอกมะพร้าว)ให้น้ำตาล


วิธีลวกหอยแครงให้แกะง่าย


วิธีลวกหอยแครงให้แกะง่าย
หลายคนคงสงสัยว่า วิธีลวกหอยแครงให้แกะง่าย นั้นทำยังไงน๊า ต้องบอกก่อนนะคะว่าถ้าอยากจะกินหอยแครงลวกให้อร่อยๆ ต้องใจเย็นๆ ต้องพิถีพิถันตั้งแต่การเลือกซื้อหอยแครง ในการเลือกซื้อหอยแครงต้องเลือกคอยแครงที่สด หอยที่สดคือหอยที่ยังไม่ตาย ยังขยับฝาหอยพะงาบพะงาบอยู่ แล้วต้องเลือกเอาหอยที่มีขนาดตัวใหญ่ๆ ด้วย และก่อนที่จะนำหอยแครงไปลวกนั้นต้องนำหอยแครงไปแช่ในน้ำเปล่าทิ้งไว้เป็นเวลาอย่างน้อย 1 ชั่วโมง เพื่อให้หอยแครงคายขี้โคลนออกก่อน จึงนำไปล้างน้ำให้สะอาดอีกที คราวนี้ก็มาดูเคล็ดลับวิธีลวกหอยแครงให้แกะฝาออกง่ายๆ และสุกพอดีกันเลยค่ะ
ในการลวกหอยแครงจะมีให้เลือกอยู่ 2 วิธี
- วิธีลวกหอยแครงวิธีแรก เคือ ตรียมน้ำใส่หม้อยกขึ้นตั้งไฟ รอน้ำให้เดือดแล้วจึงยกหม้อน้ำเดือดๆ เทใส่ลงไปในชามหอยแครงที่เตรียมไว้จนท่วม จะสังเกตเห็นมีฟองน้ำที่ผุด เมื่อหยุดผุดแล้วจึงตักหอยขึ้นพักในชามน้ำเย็นสักครู่ แล้วจึงนำหอยไปพักในกระชอน เราก็จะได้หอยแครงลวกที่แกะได้ง่ายและสุกพอดี
- วิธีลวกหอยแครงวิธีที่ 2  เอาหม้อใส่น้ำขึ้นตั้งไฟเหมือนกัน รอต้มน้ำให้เดือดจัดก่อน แล้วจึงใส่น้ำส้มสายชูประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ/น้ำ 1 ลิตร ลงไปในน้ำที่กำลังเดือด ทีนี้เราก็นำหอยแครงลงลวกทิ้งไว้แค่ประมาณ 1 นาที ก็พอ จากนั้นตักหอยไปวางพักในกระชอน เราก็จะได้หอยแครงลวกได้สุกพอดีและแกะง่ายทุกตัวทุกเช่นเดียวกับวิธีแรกค่ะ
ทีนี้ก็มาอยู่ที่ตัวเราเองแล้วล่ะว่าจะสะดวกวิธีไหนมากกว่ากัน ก็นำวิธีลวกหอยแครงวิธีนั้นไปลองใช้ดู รับรองคุณได้ทานหอยแครงลวกที่หวานอร่อยๆ แล้วค่ะ ที่สำคัญอย่าลืมตำนำจิ้มแซ่บๆ ด้วยนะคะ ว่าแล้วก็อยากกินเหมือนกันค่ะ….

ประโยชน์หลากหลายจาก "มะละกอ"


ประโยชน์หลากหลายจาก "มะละกอ"       เมื่อพูดถึง "มะละกอ" ผลไม้รูปทรงยาวรี "108 เคล็ดกิน" ก็มีอันต้องนึกไปถึงส้มตำก่อนทุกที คงเป็นเพราะเรามักจะได้เห็นมะละกอในรูปแบบของส้มตำจานเด็ดอยู่เสมอๆ แต่นอกจากส้มตำแล้ว มะละกอก็ยังเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ทางยาอีกมากมาย เช่น ใบมะละกอสดนำมาย่างไฟและนำมาประคบช่วยแก้อาการปวดบวมได้ ใบใช้ต้มกินเพื่อขับปัสสาวะ เมล็ดต้มกินเพื่อขับพยาธิ ขับประจำเดือน ยางมะละกอแก่พิษตะขาบกัดแมลงสัตว์กัดต่อย รวมไปถึงช่วยหมักเนื้อให้นุ่มได้อีกด้วย

แต่สิ่งที่เรามักใช้ประโยชน์กับมะละกอมากที่สุดก็คงจะเป็นผลมะละกอ ที่กินได้ทั้งสุกและดิบ ผลดิบก็สามารถนำไปประกอบอาหารได้หลายอย่าง นอกจากส้มตำแล้วก็ยังนำไปต้มหรือนึ่งกินกับน้ำพริกชนิดต่างๆ จะนำไปผัดกับไข่ หรือจะแกงส้มมะละกอก็อร่อยไม่น้อย

ส่วนผลสุกนั้นต้องถือว่าเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพได้เลยทีเดียว เพราะในผลสุกนั้นอุดมไปด้วยวิตามินเอ บี 1 บี 2 แคลเซียม และที่สำคัญคือ สารเบต้าแคโรทีน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงและทำให้ผิวพรรณดียิ่งขึ้น รวมทั้งช่วยชะลอความแก่ และริ้วรอยก่อนวัยอันควร แถมยังช่วยบำรุงอวัยวะต่างๆ ภายในร่างกาย แก้กระหายน้ำ บำรุงโลหิต บำรุงระบบประสาท บำรุงสายตา และที่สำคัญ มะละกอสุกนั้นช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดี แก้ท้องผูก ป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ด้วย